บิ๊กซีปัตตานีเปิดแล้ว - 11หมายจับทีมบึ้ม - จ่อติดธงแดงร้านไม่ติดกล้อง

 19 พ.ค. 2560 07:00 น. | อ่าน 2123
Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Google+

ห้างบิ๊กซี ปัตตานี เปิดให้บริการแล้ว ประชาชนแห่จับจ่ายซื้อสินค้าคับคั่ง แม่ทัพภาค 4 เผยคดีคืบหน้า ออกหมายจับ-หมาย พ.ร.ก.รวม 11 หมาย สั่งไล่ล่าทุกพื้นที่ กร้าว "เมื่อไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เราก็จะไม่สงบเหมือนกัน" พร้อมรณรงค์ห้างร้านช่วยติดกล้องวงจรปิด กิจการไหนเมิน ปักธงแดงประจาน ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาปัตตานี ได้ฤกษ์เปิดให้บริการใหม่อย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 18 พ.ค.60 หลังต้องปิดปรับปรุงเป็นเวลา 9 วันจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 9 พ.ค. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนเดินทางไปจับจ่ายซื้อสินค้ากันอย่างคับคั่ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งจากพนักงาน รปภ.ของห้างและตำรวจ สิ่งที่เน้นย้ำก็คือ รถยนต์ที่จะผ่านเข้าบิ๊กซีทุกคันต้องลดกระจกลงทุกบาน เปิดท้ายกระโปรงรถ แสดงบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ โดยบัตรประชาชนต้องตรงกับผู้ขับขี่ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ลืมบัตรประชาชนนำรถเข้าไปจอด และก่อนเข้าห้างต้องเดินผ่านเครื่อง Walk Through รวมทั้งตรวจกระเป๋า นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดห้างอย่างเป็นทางการ โดยบอกว่า บิ๊กซีคือพี่น้องคนหนึ่งของชาวปัตตานีที่มีน้ำใจช่วยเหลือและดูแลสังคมปัตตานีมาตลอด ทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลบิ๊กซีด้วยเพื่ออยู่คู่กับปัตตานีต่อไป นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบแผนธุรกิจภาพรวมในปีนี้ สำหรับในส่วนอาคาร ร้านค้าที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุระเบิดนั้น ทางห้างยืนยันว่าจะเร่งซ่อมแซมอย่างเต็มที่ และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในส่วนที่เสียหายได้อีกครั้งภายใน 1-2 เดือนนี้ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพุธที่ 17 พ.ค. มีการแถลงข่าวความคืบหน้าการคลี่คลายคดีคาร์บอมบ์ โดยการแถลงข่าวจัดขึ้นที่อาคารที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวตอนหนึ่งว่า ในทางคดีได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตั้งแต่หลังเกิดเหตุวันแรกไป 1 คน จากนั้นวันที่ 16 พ.ค.ออกหมายจับเพิ่มอีก 8 คน รวมเป็น 9 คน และออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งเป็นหมายเรียกและคุมตัวผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน รวมเป็น 11 คน หลังจากนี้คาดว่าจะนำตัวผู้ที่ถูกจับกุมได้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นอกจากนี้จะเชิญผู้นำศาสนามาพูดคุยในวันที่ 20 พ.ค.เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้ใช้ศาสนสถาน ทั้งมัสยิด โรงเรียนตาดีกา และปอเนาะ ไปเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรง หลังจากตรวจสอบพบว่าคนร้ายในคดีคาร์บอมบ์ห้างบิ๊กซี ปัตตานี ใช้มัสยิดเป็นสถานที่ทำร้ายเจ้าของรถที่ถูกปล้นไปทำคาร์บอมบ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังมีนโยบายให้ห้างร้านต่างๆ ในพื้นที่ช่วยกันติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี โดยหากห้างร้านไหนให้ความร่วมมือก็จะปักธงสีเขียวให้ หากห้างร้านใด ไม่ยอมติดตั้งกล้อง ซึ่งทางราชการไปบังคับไม่ได้ ก็จะปักธงสีเหลืองหรือสีแดง เพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่าห้างร้านนี้ยังมีความปลอดภัยไม่เต็ม 100% บางช่วงบางตอนของการแถลงข่าวและการให้สัมภาษณ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวตอบโต้กลุ่มก่อความไม่สงบที่สร้างความวุ่นวายในพื้นที่อย่างรุนแรง "ผมได้พูดไปแล้วตั้งแต่ต้นปีว่า ตราบใดที่ยังทำร้ายประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ ผมก็จะจับทุกกรณี ในเมื่อไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เราก็จะไม่สงบเหมือนกัน ในเรื่องภัยแทรกซ้อนก็จะจับทุกอย่าง ทุกพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ สำหรับผู้เกี่ยวข้องในคดีน่าจะมีทั้งหมด 15 คน โดยทั้ง 15 คนเราเรียกเป็นกลุ่ม กลุ่มนี้ไม่มีพื้นที่ในแผ่นดินไทยให้เขาได้อาศัยอยู่แล้ว เพราะกฎหมายยังมีอายุความอีกหลายปี 10 - 20 ปี หากเขาหลบๆ ซ่อนๆ ได้ก็หลบไป เจ้าหน้าที่จะทำหน้าที่ติดตามหาตลอดเวลาและทุกทิศทุกทาง" "ทางภาคประชาชนและชาวบ้านก็ช่วยและร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งชาวบ้านก็ให้ข่าวสารมาบ้างแล้วว่าทั้ง 8 คนที่ถูกออกหมายจับหลบหนีไปตรงไหนบ้าง เราก็จะเข้าไปติดตามและสืบหาตัวไปเรื่อยๆ ก็คิดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ โดยทั้ง 8 คนยังอยู่ในพื้นที่และอาศัยอยู่ตามเชิงเขา เมื่อเขาทำกับประชาชนอย่างนี้ ประชาชนซึ่งเป็นเด็ก และผู้หญิง ก็เสมือนเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เราก็จะเดินหน้าเชิงรุกตลอดแนว ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และกำลังภาคประชาชน ได้บูรณาการให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่" ส่วนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งถูกคุมตัวตั้งแต่วันแรกๆ นั้น แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า ได้ปล่อยตัวไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ต้องขอให้นายก อบ.เข้ามาช่วยบอกหลักฐานว่ารู้เห็นสิ่งใดบ้าง วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนหน้า หรือ คปต.ส่วนหน้า ที่กระทรวงกลาโหม ผลประชุมที่สำคัญสรุปว่า จะมีการแต่งตั้งผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำประเทศมาเลเซีย จำนวน 2 คน เป็นผู้ช่วยทูต และรองผู้ช่วยทูต ทำหน้าที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมช่วยประสานงานในภารกิจของตำรวจ เช่น งานด้านการข่าว ด้านปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และอื่นๆ รวมทั้งงานด้านความมั่นคง

ที่มา: สำนักข่าวอิศรา
Comment
Related
SOUTHDEEPOUTLOOK.com - Thailand South Deep News

An Internal Error Has Occurred.

Error: An Internal Error Has Occurred.