การขับเคลื่อนสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่าน “กำปงตักวา”

 19 เม.ย. 2557 17:43 น. | อ่าน 729
Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Google+

แม้ว่าวิกฤติการทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้การพูดคุยสันติภาพระหว่างผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกับผู้แทนฝ่ายขบวนการต้องหยุดชั่วระยะ แต่กระบวนการขับเคลื่อนสันติภาพจากภายในด้วยการเปิดเวทีเสวนาเพื่อหาทางออกจากความเห็นต่าง ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งโดยส่วนราชการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า องค์กรภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งองค์กรศาสนาก็ได้มีจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา แนวทางการนำหลักศาสนามาขับเคลื่อนอีกทางหนึ่ง โดยนำแบบอย่างของชุมชนมัสยิดบ้านเหนือ ซึ่งประสบความสำเร็จในการบูรณาการหลักศาสนา วัฒนธรรมท้องถิ่น และระเบียบบ้านเมือง กำหนดเป็นระเบียบปฏิบัติของชุมชนได้อย่างสอดคล้อง และอาศัยความศรัทธาเป็นพลังขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม กลายเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง สงบสุข และเจริญก้าวหน้าเรียกว่า “ชุมชนศรัทธา” หรือ“กำปงตักวา”เหมาะสำหรับเป็นแนวทางให้ชุมชนอื่นๆ ศึกษาและนำเป็นแบบอย่าง กำปงตักวามัสยิดบ้านเหนือ เป็นชุมชนมุสลิมที่อยู่ท่ามกลางการรายล้อมของชุมชนไทยพุทธ ในตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีคลองอู่ตะเภาที่มาจากอำเภอหาดใหญ่ไหลผ่านออกสู่ทะเลสาบสงขลา เป็นเส้นทางสำหรับทำอาชีพประมง เสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่นำความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติจากทะเลสาบ หล่อเลี้ยงชุมชนที่อยู่บริเวณนี้มาตั้งแต่อดีต สิ่งสำคัญที่ทำให้ชุมชนบ้านเหนือมีความเข้มแข็งและเป็นปึกแผ่นคือ การบริหารจัดการและควบคุมสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยมัสยิดเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเห็นได้จากระเบียบบริหารจัดการมัสยิดปี ฮ.ศ.๑๔๒๖ /พ.ศ.๒๕๔๘ ที่มีวัตถุประสงค์ในการควบคุมและบริหารจัดการสิ่งสำคัญของชุมชน ๓ อย่าง คือ คน สังคม และทรัพยากร นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงต่างๆ อันเป็นกฎเกณฑ์ทางสังคมที่ยึดปฏิบัติร่วมกัน “ฮูกมปากะ” เพื่อสร้างความสามัคคีและเป็นความระเบียบเรียบร้อยของชุมชน การควบคุมบุคคล ชุมชนบ้านเหนือได้ให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยกำหนดให้ผู้ปกครองส่งบุตรหลานวัยประถมศึกษาเข้าเรียนศาสนาอย่างน้อยในวันเสาร์อาทิตย์ ต่อเนื่องจากการเรียนตาดีกา และยังมีโรงเรียนระดับประถมแบบเอกชน สอนศาสนาที่มัสยิดจัดตั้งขึ้นเอง มีการสอนศาสนาสำหรับผู้ใหญ่โดยบูรณาการกับความรู้ทั่วไปในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ และสิ่งสำคัญ คือ อบรมคุณธรรมและปลูกฝังความศรัทธาในศาสนา โดยให้ความสำคัญกับคุณธรรม ๓ ประการ คือ การแสดง ความภักดีต่อพระเจ้าด้วยการละหมาด เสียสละเพื่อสังคม และการเคารพเชื่อฟังผู้นำ อันเป็นหัวใจสำคัญของหลักศรัทธาในศาสนา การควบคุมสังคม และกำหนดให้ผู้ชายที่เข้าสู่ศาสนภาวะให้เข้ามีส่วนร่วมละหมาดญามาอะห์ (วันศุกร์) ห้ามประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ทำให้สังคมเสื่อมเสีย เช่น เสพยาเสพติด การพนัน นอกจากนี้ยังมีมาตรการด้านการปกครองโดยได้แบ่งเขตพื้นที่ของชุมชนเป็น ๑๐ เขต มีผู้แทนของแต่ละเขต มีสภาซูรอ หรือสภาสันติสุขตำบล ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการมัสยิด ผู้แทนแต่ละเขต สมาชิกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ต่างๆ ทำหน้าที่ควบคุมบริหารกิจการทั้งปวง ตลอดจนทำหน้าที่กลั่นกรองผู้ที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับท้องถิ่น ก่อนการเลือกตั้งจากทางการ ตลอดจนปรึกษาหารือในเรื่องอื่นๆ เป็นประจำเดือนละ ๑ ครั้ง การควบคุมทรัพยากร ห้ามประกอบอาชีพที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และควบคุมการบริหารทรัพย์สินในชุมชน ด้วยการจัดตั้งสถาบันการเงินเพื่อการออมทรัพย์ และเพื่อการลงทุนในรูปแบบสหกรณ์ จัดตั้งกองทุนสวัสดิการสังคมรับสมาชิกสะสมเงินเพื่อใช้ยามเจ็บป่วย และกองทุนสร้างอสังหาริมทรัพย์ตลอดจนลงทุนในกิจการต่าง และที่สำคัญมีการจัดตั้งกองทุนซากาตตามหลักศาสนาซึ่งกำหนดให้ผู้มีรายได้ครบตามหลักเกณฑ์ต้องจ่ายซากาตปีละครั้ง ซึ่งได้รับการตอบรับและปฏิบัติจากสมาชิกชุมชนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสันทนาการกินน้ำชาเพื่อบริจาคเงินเข้ามัสยิดในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ อีกทั้งยังมีกิจการบริการที่พักสำหรับแขกในรูปแบบโฮมสเตย์ ดำเนินการร่วมกันระหว่างเจ้าของบ้านกับมัสยิด กิจกรรมต่างๆ ดังกล่าว สามารถสร้างรายได้นำเงินมาดำเนินการด้านต่างๆ ทั้งสวัสดิการและการพัฒนาชุมชนในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ด้วยระเบียบและกฎเกณฑ์อันมีพื้นฐานมาจากหลักศาสนา รวมทั้งความศรัทธาและคุณธรรมที่ได้รับการปลูกฝัง ก่อให้เกิดการปฏิบัติที่ทรงพลังผลักดันทำให้ชุมชนบ้านเหนือ กลายเป็นแบบอย่างของชุมชนที่สันติสุขและเข้มแข็ง ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า เล็งเห็นความสำคัญ จึงได้ส่งเสริมให้ผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยการจัดการสัมมนา ในรูปแบบคณะกรรมการขับเคลื่อนกำปงตักวา ซึ่งได้ดำเนินมาเป็นครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยพลตรี ปราการ ชลยุทธ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า มาให้กำลังใจและเป็นประธานในพิธีปิด ซึ่งได้กล่าวยืนยันถึงเจตนาอันแน่วแน่ของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ในการจะสถาปนาความสันติสุขให้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์พร้อมกลยุทธต่างๆ เช่น การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน อันเป็นที่มาของกิจกรรมการสัมมนาในครั้งนี้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายปฏิบัติตามประเพณีและศาสนา เป็นพลังสร้างสรรค์ สังคมพหุวัฒนธรรม และเป็นที่ยอมรับของสังคมทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งเกิดความรู้สึกความภาคภูมิใจในการเป็นพลเมืองไทย

ที่มา: southpeace.go.th
Comment
Related
SOUTHDEEPOUTLOOK.com - Thailand South Deep News

An Internal Error Has Occurred.

Error: An Internal Error Has Occurred.